บทเรียนจากธุรกิจที่เคยถูกปรับ – เรียนรู้จากกรณีจริงภายใต้กฎหมาย PDPA

       ตั้งแต่กฎหมาย PDPA (พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562) มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในปี 2565 หลายองค์กรเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลลูกค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

       อย่างไรก็ตาม มีหลายองค์กรที่ยัง “พลาด” จนทำให้ต้อง ถูกลงโทษทั้งทางปกครอง และทางแพ่ง บทความนี้จะพาคุณไปดู ตัวอย่างจริงของธุรกิจที่ถูกปรับ และบทเรียนสำคัญที่ควรนำไปปรับใช้


⚖️ กรณีศึกษาธุรกิจที่ถูกปรับ PDPA

✅ เคส: บริษัทเจไอบี (JIB) – ถูกปรับกว่า 7 ล้านบาท

รายละเอียด:

      • ปี 2567 มีการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้ากว่า 2 แสนรายการ

      • ข้อมูลที่หลุด: ชื่อ-สกุล, อีเมล, เบอร์โทร, ที่อยู่

      • พบว่าไม่มีระบบเข้ารหัส (encryption) และไม่มีการขอความยินยอมอย่างชัดเจน

บทลงโทษ:

      • โดนปรับทางปกครองถูกปรับ 7 ล้านบาท

      • ถูกเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้บริโภค

      • เสียความน่าเชื่อถือของแบรนด์

บทเรียน:

ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เพียงพอ, ขอความยินยอมอย่างชัดเจน, มี DPO หรือทีมดูแลข้อมูล, แจ้งเหตุรั่วไหลภายใน 72 ชั่วโมง


✅ เคส: เว็บไซต์ร้านอาหารแห่งหนึ่ง – ส่ง SMS โดยไม่ได้รับความยินยอม

รายละเอียด:

      • ลูกค้าได้รับ SMS โฆษณาโดยไม่ได้สมัครรับข่าวสาร

      • พบว่าเบอร์โทรถูกนำไปใช้ในการตลาดโดยไม่มีการเก็บ consent ที่ตรวจสอบได้

บทลงโทษ:

      • ปรับเป็นเงิน 2 แสนบาท

      • ต้องลบข้อมูลลูกค้าและออกจดหมายขอโทษ

บทเรียน:

ต้องขอความยินยอมก่อนใช้ข้อมูลเพื่อการตลาดเสมอ และต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่า “มีการขอความยินยอมจริง”


✅ เคส: คลินิกแห่งหนึ่ง – แชร์ข้อมูลสุขภาพลูกค้าโดยไม่แจ้ง

รายละเอียด:

      • คลินิกนำข้อมูลสุขภาพไปแชร์กับบริษัทประกัน โดยไม่ได้แจ้งลูกค้าล่วงหน้า

      • ข้อมูลถือเป็น “ข้อมูลอ่อนไหว” ตาม PDPA

บทลงโทษ:

      • ปรับ 5 แสนบาท

      • เสี่ยงถูกดำเนินคดีทางแพ่งจากผู้เสียหาย

บทเรียน:

ข้อมูลสุขภาพเป็น “ข้อมูลอ่อนไหว” ต้องมี “ความยินยอมอย่างชัดแจ้ง” เท่านั้น และห้ามใช้เกินวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้


🔥 บทเรียนสำคัญจากกรณีเหล่านี้

ประเด็นสิ่งที่ควรทำสิ่งที่ผิดพลาด
การเก็บข้อมูลต้องแจ้งวัตถุประสงค์ชัดเจน, ขอความยินยอมไม่แจ้งหรือใช้ข้อมูลเกินวัตถุประสงค์
การใช้ข้อมูลเพื่อการตลาดต้องมีข้อมูลการยินยอมส่ง SMS หรืออีเมลโดยไม่ได้รับอนุญาต
การเก็บข้อมูลอ่อนไหวต้องขอความยินยอมอย่างชัดแจ้งแชร์โดยไม่ขออนุญาต
การรักษาความปลอดภัยต้องมี encryption / password / access controlไม่มีระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหล
การแจ้งเหตุข้อมูลรั่วต้องแจ้งภายใน 72 ชม.ไม่แจ้งหรือแจ้งล่าช้า

📌 สรุป: ทำไมองค์กรถึงควรเรียนรู้จากกรณีที่เคยถูกปรับ?

การรู้ทันความผิดพลาดของคนอื่น = ลดโอกาสผิดพลาดของเราเอง

การไม่ปฏิบัติตาม PDPA ไม่เพียงนำไปสู่โทษปรับที่สูงมาก แต่ยัง ทำลายชื่อเสียงแบรนด์ ความเชื่อมั่นของลูกค้า และความมั่นคงของธุรกิจ ในระยะยาว


🔍 คำค้นที่เกี่ยวข้อง (SEO Keywords):

  • กรณีศึกษาการละเมิด PDPA

  • บทเรียนจากธุรกิจที่ถูกปรับ PDPA

  • ตัวอย่างการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

  • โทษตาม PDPA

  • ข่าวการปรับ PDPA ในไทย

  • รั่วไหลข้อมูลลูกค้า