
สิทธิในการลบข้อมูล (Right to Erasure) – เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอลบข้อมูลเมื่อใด?
ภายใต้กฎหมาย PDPA หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เจ้าของข้อมูลมีสิทธิควบคุมข้อมูลของตนเองได้หลากหลายประการ หนึ่งในสิทธิที่สำคัญมากคือ สิทธิในการลบข้อมูล (Right to Erasure) หรือที่เรียกกันว่า “สิทธิให้ลืม” (Right to be Forgotten)
✅ สิทธิในการลบข้อมูลคืออะไร?
สิทธิในการลบข้อมูล หมายถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลที่สามารถ ร้องขอให้องค์กรลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตน ในบางกรณีที่กฎหมาย PDPA กำหนดไว้ โดยไม่ต้องให้คงข้อมูลนั้นไว้อีกต่อไป
📌 ตัวอย่างสถานการณ์ที่สามารถใช้สิทธิขอลบข้อมูลได้
ตามหลักกฎหมาย PDPA มาตรา 33 เจ้าของข้อมูลสามารถขอลบข้อมูลในกรณีต่อไปนี้:
✅ ข้อมูล ไม่จำเป็นต่อวัตถุประสงค์ คือ ไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยอีกต่อไป เช่น ยกเลิกการเป็นสมาชิก หมดระยะเวลาตามวัตถุประสงค์
✅ ถอนความยินยอม ที่เคยให้ไว้ (และไม่มีฐานอื่นรองรับการเก็บข้อมูลต่อ) เช่น ยกเลิกการรับข่าวสาร ขอให้ลบข้อมูลส่วนตัวออกจากระบบ
✅ คัดค้านการประมวลผล และไม่มีเหตุผลอันชอบให้ดำเนินต่อ เช่น ไม่ต้องการให้ข้อมูลถูกใช้ทำการตลาด ไม่อนุญาตให้ใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม
✅ ข้อมูล ถูกเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น ถูกเก็บข้อมูลโดยไม่ขอความยินยอม ใช้ข้อมูลเกินกว่าขอบเขตที่แจ้งไว้
✅ ต้องลบตาม หน้าที่ทางกฎหมายอื่น ๆ เช่น เมื่อข้อมูลพ้นระยะเวลาที่กำหนดตามกฎหมาย หรือลบข้อมูลตามคำสั่งศาล
🚫 ข้อยกเว้น: การลบข้อมูลไม่ได้มีกรณีใดบ้าง?
แม้เจ้าของข้อมูลจะมีสิทธิขอลบข้อมูลของตน แต่ก็มีบางกรณีที่องค์กรสามารถ ปฏิเสธการลบข้อมูลได้อย่างชอบด้วยกฎหมาย เช่น:
- เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยอาจเก็บไว้เป็นหลักฐานตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เช่น การเก็บข้อมูลพนักงาน 5 ปี หลังพ้นสภาพพนักงานตามกฎหมายแรงงาน การเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อออกใบเสร็จรับเงิน–ใบกำกับภาษี ตามกฎหมายภาษี
- เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ในสัญญา กล่าวคือ ข้อมูลนั้นยังจำเป็นต่อการทำสัญญา หรือการดำเนินการตามสัญญา ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลบัญชีธนาคารของลูกค้าที่ทำสัญญาซื้อขาย ข้อมูลที่อยู่สำหรับการจัดส่งพัสดุที่ยังต้องส่งตามคำสั่งซื้อ
- เพื่อป้องกัน หรือยื่นฟ้องคดี กล่าวคือข้อมูลนั้นจำเป็นต่อการพิสูจน์สิทธิเรียกร้อง การยื่นหรือป้องกันคดีความ เช่น หลักฐานการชำระเงิน หลักฐานการใช้งานบริการ
- เพื่อประโยชน์สาธารณะ เช่น งานวิจัย (ที่ปกปิดตัวตน)
- เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ในสัญญา กล่าวคือ ข้อมูลนั้นยังจำเป็นต่อการทำสัญญา หรือการดำเนินการตามสัญญา ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลบัญชีธนาคารของลูกค้าที่ทำสัญญาซื้อขาย ข้อมูลที่อยู่สำหรับการจัดส่งพัสดุที่ยังต้องส่งตามคำสั่งซื้อ
📝 ขั้นตอนการใช้สิทธิในการลบข้อมูล
ตรวจสอบสิทธิของตัวเอง ว่าตนมีสิทธิในการขอลบข้อมูลในกรณีใดบ้าง เช่น ข้อมูลหมดความจำเป็น การถอนความยินยอม หรือข้อมูลถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์
แจ้งความประสงค์ต่อผู้ควบคุมข้อมูล โดยอาจใช้ช่องทาง เช่น แบบฟอร์มออนไลน์ อีเมล โทรศัพท์ ช่องทางที่บริษัทหรือองค์กรกำหนดไว้
ยื่นคำขออย่างเป็นทางการ โดยระบุข้อมูลที่ต้องการลบ เช่น ชื่อ–นามสกุล ข้อมูลที่ต้องการลบ เหตุผลประกอบ แนบเอกสารยืนยันตัวตน(ถ้ามี)
รอการตรวจสอบคำขอ ผู้ควบคุมข้อมูลจะตรวจสอบความถูกต้องและพิจารณาคำขอ และตรวจสอบว่าตรงตามเงื่อนไขหรือข้อยกเว้นตาม PDPA หรือไม่
- แจ้งผลการดำเนินการ หากอนุมัติผู้ควบคุมข้อมูลต้องลบ ทำลาย หรือทำให้ระบุตัวบุคคลไม่ได้ หากปฏิเสธ(เพราะเข้าเงื่อนไขข้อยกเว้น ต้องแจ้งเหตุผลให้เจ้าของข้อมูลทราบ
🧠 ตัวอย่างสถานการณ์จริง
สถานการณ์ | ลบได้หรือไม่ | เหตุผล |
---|---|---|
ลูกค้าขอลบประวัติการใช้งานแอปหลังยกเลิกบัญชี | ✅ | ไม่จำเป็นต้องเก็บอีกต่อไป |
พนักงานลาออก ขอให้ลบข้อมูลทั้งหมด | ❌ | บริษัทต้องเก็บบางข้อมูลเพื่อรายงานหรือภาษี |
ผู้ใช้งานขอลบรูปโปรไฟล์ที่อัปโหลดเอง | ✅ | หากไม่มีเหตุผลอื่นรองรับ |
ผู้ป่วยขอลบประวัติการรักษา | ❌ | โรงพยาบาลจำเป็นต้องเก็บตามกฎหมายสาธารณสุข |
🛡️ ข้อควรรู้สำหรับองค์กร
ควรมี นโยบายการลบข้อมูล ที่ชัดเจน
จัดทำ แบบฟอร์มคำขอลบข้อมูล เพื่อความเป็นระบบ
ต้องพิจารณาทุกคำขออย่างรอบคอบ และแจ้งผลการดำเนินการ
ห้ามเก็บข้อมูลไว้โดยไม่มีเหตุผลหรือใช้เกินความจำเป็น
✨ สรุป: สิทธิในการลบข้อมูล (Right to Erasure)
เจ้าของข้อมูลมีสิทธิสั่งให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ในบางกรณี
และองค์กรมีหน้าที่ต้องรับคำขออย่างโปร่งใส พร้อมแจ้งผลอย่างเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
🔍 คำค้นที่เกี่ยวข้อง (SEO Keywords):
สิทธิในการลบข้อมูล PDPA
Right to Erasure คืออะไร
ลบข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย
เจ้าของข้อมูลขอลบข้อมูลได้ไหม
สิทธิในการลืม Right to be Forgotten
แบบฟอร์มขอลบข้อมูล PDPA