
กรณีศึกษา: คลินิกแห่งหนึ่ง – แชร์ข้อมูลสุขภาพลูกค้าโดยไม่แจ้ง
ลักษณะของธุรกิจ
คลินิกเอกชนขนาดกลางในเขตกรุงเทพฯ ให้บริการเวชกรรมทั่วไป ตรวจสุขภาพ และเวชศาสตร์ชะลอวัย มีฐานข้อมูลลูกค้าระยะยาว และใช้ระบบ CRM ในการจัดเก็บผลตรวจสุขภาพ
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร?
ลูกค้ารายหนึ่งเข้ารับบริการตรวจสุขภาพและทำเวชระเบียนกับคลินิกแห่งนี้ โดยในระหว่างขั้นตอนการลงทะเบียน ไม่มีการแจ้งว่าข้อมูลจะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากการรักษา
ต่อมา ลูกค้ารายเดียวกันได้รับการติดต่อจาก บริษัทประกันสุขภาพ พร้อมรายละเอียดการเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่อิงกับ “ผลตรวจสุขภาพล่าสุด” ทำให้ลูกค้ารู้ทันทีว่า ข้อมูลสุขภาพของตนถูกเปิดเผยโดยคลินิกให้บุคคลภายนอก โดยที่ไม่ได้ให้ความยินยอม
ข้อผิดพลาดสำคัญที่พบ
ละเมิดการใช้ ข้อมูลอ่อนไหว (sensitive data)
ข้อมูลสุขภาพถือเป็น “ข้อมูลอ่อนไหว” ตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ. PDPA
การเปิดเผยข้อมูลอ่อนไหวต้องใช้ “ความยินยอมโดยชัดแจ้ง” เท่านั้น
ไม่มีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเปิดเผยข้อมูล
ขาดการแจ้งให้ชัดเจนว่าจะส่งข้อมูลให้บุคคลภายนอก เช่น บริษัทประกัน
ขาดนโยบายและกระบวนการควบคุมภายใน
ไม่มีขั้นตอนขอความยินยอมก่อนส่งข้อมูล
ไม่มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบดูแลการใช้ข้อมูลภายนอก (เช่น DPO หรือเจ้าหน้าที่ไอที)
บทลงโทษและผลกระทบ
ได้รับบทลงโทษทางปกครองโดยถูกปรับ 500,000 บาท (ตามมาตรา 83 ของ PDPA)
คลินิกต้องส่งหนังสือขอโทษลูกค้าเป็นทางการ
ถูกนำกรณีขึ้นแจ้งผ่านสื่อโซเชียล เสียชื่อเสียงทางธุรกิจ
ต้องปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัว และเปลี่ยนระบบเก็บข้อมูลใหม่ทั้งหมด
บทเรียนที่ควรนำไปใช้
ประเด็น | สิ่งที่ควรทำให้ถูกต้อง |
---|---|
ข้อมูลสุขภาพ | ต้องได้รับ “ความยินยอมโดยชัดแจ้ง” ก่อนใช้งานหรือเปิดเผย |
การส่งต่อข้อมูล | ต้องแจ้งชื่อผู้รับ และวัตถุประสงค์ล่วงหน้า |
แบบฟอร์มลงทะเบียน | ควรมี checkbox ขอความยินยอมแยกเฉพาะเรื่อง |
ความโปร่งใส | ต้องจัดทำ Privacy Policy และติดตั้งในเว็บไซต์หรือจุดให้บริการ |
ระบบควบคุมข้อมูล | ควรแต่งตั้ง DPO หรือมีผู้ดูแลการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะ |
สรุป: ข้อมูลสุขภาพ = “ข้อมูลอ่อนไหว” ต้องคุ้มครองมากกว่าปกติ
ความเสียหายจากการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพ อาจกระทบต่อชื่อเสียง หน้าที่การงาน และความเป็นส่วนตัวของบุคคลอย่างร้ายแรง
คลินิกและโรงพยาบาลต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษในการเก็บและเปิดเผยข้อมูลประเภทนี้